วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

เตรียมความพร้อมก่อนใช้ Linux

ก่อนที่จะทำการติดตั้งก็ต้องเตรียมความพร้อมทางด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้เป็นที่เรียบร้อยก่อน ระบบลีนุกซ์ต้องการฮาร์ดแวร์ที่มีคุณสมบัต ิขั้นต่ำสุดดังต่อไปนี้
1. หน่วยประมวลผลกลางของ Intel 80386 ขึ้นไป
2. หน่วยประมวลผลทางคณิตศาสตร์ มีหรือไม่มีก็ได้ เพราะระบบปฏิบัติการ Red Hat Linux ได้มีการจำลอง หน่วยประมวลผลทางคณิตศาสตร์ไว้ในระดับของเคอร์เนล (Kernel) แล้ว
3. หน่วยความจำอย่างน้อย 8 เมกะไบต์ แต่แนะนำให้มีอย่างน้อย 16 เมกะไบต์จะทำให้ระบบมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า
4. ฮาร์ดดิสก์อย่างน้อย 101 เมกะไบต์ สำหรับการติดตั้งแบบพื้นฐาน 266 เมกะไบต์ สำหรับการติดตั้งแบบทั่วไป และ 716 เมกะไบต์ สำหรับการติดตั้งแบบทั้งหมดตัวเลขที่ระบุทั้งหมดเฉพาะส่วนระบบปฏิบัติการ ถ้าต้องการใช้เป็น File Server หรือ Database Server จะ ต้องเผื่อเนื้อที่ไว้สำหรับใช้งานด้วย ส่วนแหล่งของโปรแกรมลีนุกซ์นั้นสามารถหาได้ฟรีตามเว็บไซท์ เช่น
www.linux.org/dist/ftp.html
สิ่งที่ควรทราบก่อนการติดตั้ง
1. คุณสมบัติของฮาร์ดดิสก็ที่ต้องการติดตั้ง
§ จำนวนของฮาร์ดดิสก็ที่ต้องการติดตั้ง
§ ขนาดความจุของฮาร์ดดิสก์ที่จะใช้ในการติดตั้ง
§ ประเภทการเชื่อมต่อของฮาร์ดดิสก์ที่จะใช้ในการติดตั้ง IDE, EIDE หรือ SCSI
§ มีการใช้ประเภทการเชื่อมต่อของฮาร์ดดิสก์หลายๆ ประเภทในเครื่องเดียวกันหรือไม่
2. ขนาดของหน่วยความจำหลัก เพื่อที่จะคำนวณหาขนาดของ Linux Swap Partition
3. ประเภทการเชื่อมต่อของเครื่องอ่านซีดีรอม IDE (ATAPI), SCSI
4. รุ่นและยี่ห้อของแผงวงจรเชื่อมต่อ SCSI
5. รุ่นและยี่ห้อของแผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่าย
6. จำนวนปุ่มกด และประเภทเชื่อมต่อของเมาส์
7. รุ่นและยี่ห้อของแผงวงจรเชื่อมต่อจอภาพ รุ่นและยี่ห้อของจอภาพ
8. รายละเอียดการกำหนดโปรโตคอล TCP/IP ของเครื่องที่ต้องการติดตั้ง
§ IP Address
§ Net Mask
§ GateWay Address
§ Name Server Address
§ Domain Name
§ Host Name

อนาคตของ Linux

ลีนุกซ์นั้นมีนักพัฒนาโปรแกรมจากทั่วโลกช่วยกันทำให้การขยายตัวของลีนุกซ์เป็นไปอย่างรวดเร็วโดยในส่วนของแกนระบบปฏิบัติการ หรือเคอร์เนลนั้นจะมีการพัฒนาเป็นรุ่นที่ 2.2 (Linux Kernel 2.2) ซึ่งได้เพิ่มขีดความสามารถและสนับสนุนการทำงานแบบหลายตัวประมวลผลแบบ SMP (Symmetrical Multi Processors) ซึ่งทำให้ระบบลีนุกซ์สามารุนำไปใช้สำหรับทำงานเป็นเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ได้ และยังมีโครงการสนับสนุนการใช้งานบรระบบลีนุกซ์อีกหลายโครงการ เช่น KDE (The K Desktop Environment) และ GNOME (GNU Network Object Model Environment) ซึ่งจะช่วยพัฒนา desktop บนลีนุกซ์ให้สมบูรณ์เทียบเท่ากับ Windows 98 ของไมโครซอฟท์ และบรรดาบริษัทผู้ผลิตซอฟท์แวร์ทางด้านระบบฐานข้อมูลชั้นนำ อย่างเช่น Informix, Oracle, IBM DB2 ก็เริ่มให้มีสนับสนุนการใช้งานบนระบบลีนุกซ์ แล้วเช่นเดียวกัน

การนำ Linux มาใช้งาน

ปัจจุบันได้มีการนำระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ไปประยุกต์เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับงานด้านต่างๆเช่นงานด้านการคำนวณทางวิทยาศาสตร์ใช้เป็นสถานีงาน สถานีบริการ อินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต หรือใช้ใน การเรียนการสอนและการทำงิจัยทางคอมพิวเตอร์ใช้พัฒนาโปรแกรมเนื่องจาก มีเครื่องมือมากมาย เช่น โปรแกรมภาษาซี (C) ซีพลัสพลัส (C++) ปาสคาล (Pascal) ฟอร์แทรน (Fortran) ลิสป์ (Lisp) โปรล็อก (Prolog) เอดา (ADA) มีภาษาสคริปต์ เช่น เชลล์ (Shell) บาสช์เชลล์ (Bash Shell) ซีเชลล์ (C Shell) คอร์นเชลล์ (Korn Shell) เพิร์ล (Perl) พายตัน (python) TCL/TK
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมประยุกต์ในสาขาต่างๆ อีกมากมาย โดยข้อมูลของโปรแกรมเหล่านี้ได้รวบรวมไว้ที่
Linux Software Map (LSM)

มารู้จักคำสั่งพื้นฐานของ Linux กันเถอะ..1



ลีนุกซ์ เป็นระบบปฏิบัติการเช่นเดียวกับ ดอส ไมโครซอฟต์วินโดวส์ หรือยูนิกซ์ โดยลีนุกซ์นั้นจัดว่าเป็นระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ประเภทหนึ่ง การที่ลีนุกซ์เป็นที่กล่าวขานกันมากขณะนี้ เนื่องจากความสามารถของตัวระบบปฏิบัติการและโปรแกรมประยุกต์ที่ทำงานบนระบบลีนุกซ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรแกรมในตระกูลของ GNU (GNU's Not UNIX) และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือระบบลีนุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการประเภทฟรีแวร์ (Free Ware) คือไม่เสียค่าใช้จ่ายในการซื้อโปรแกรม
ระบบลีนุกซ์ตั้งแต่เวอร์ชั่น 4 นั้น สามารถทำงานได้บนซีพียูทั้ง 3 ตระกูล คือบนซีพียูของอิลเทล (PC Intel) ดิจิตอลอัลฟาคอมพิวเตอร์ (Digital Alpha Computer) และซันสปาร์ค (SUN SPARC) เนื่องจากใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า RPM (Red Hat Package Management) ถึงแม้ว่าในขณะนี้ลีนุกซ์ยังไม่สามารถแทนที่ไมโครซอฟต์ วินโดวส์ บนพีซีหรือแมคโอเอส (Mac OS) ได้ทั้งหมดก็ตาม แต่ผู้ใช้จำนวนไม่น้อยที่หันมาใช้และช่วยพัฒนาโปรแกรมประยุกต์บนลีนุกซ์กัน และเรื่องของการดูแลระบบลีนุกซ์นั้น ภายในระบบลีนุกซ์เองมีเครื่องมือช่วยสำหรับดำเนินการให้สะดวกยิ่งขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551

Trick ดูข้อความที่อยู่คนละหน้าได้พร้อมกัน

ดูข้อความที่อยู่คนละหน้าได้พร้อมกัน
เมื่อเอกสารมีขนาดใหญ่จนไม่สามารถแสดงได้หมดในหนึ่งหน้าจอ คุณอาจแบ่งหน้าจอออกเป็น 2 ส่วนเพื่อดูข้อความที่อยู่ตอนต้นของเอกสารในหน้าจอส่วนหนึ่ง กับดูข้อความที่อยู่ท้ายเอกสารในหน้าจออีกส่วนหนึ่ง แล้วเปรียบเี่ทียบกัน

1.คลิกเลือกเมนู Window/Slip (หน้าต่าง/แยก) หลังจากนั้น


2.คลิกลาก Split Bar ไปตำแหน่งที่ต้องการแล้วคลิกหลังจากนั้นเอกสารก็จะถูกแบ่งออกเป็น 2 หน้าโดยแต่ละส่วนจะมีไม้บรรทัด และดสโครลบาร์หรือรางเลื่อนเป็นของตนเองเมื่อเลื่อนดูข้อความในส่วนใดอีกส่วนก็จะไม่เลื่อนตาม แต่ถ้ามีการแก้ไขส่วนใดอีกส่วนก็จะถูกแก้ไขไปด้วยเนื่องจากทั้งสองส่วนยังเป็นไฟล์เดียวกัน

การตกแต่งข้อความด้วยลักษณะพิเศษ (Effects)

นอกจากคุณจะทำการสร้างเอกสารทั่วไปแล้วคุณยังสามารถสร้างเอกสารให้ดูหน้าสนใจด้วยการปรับแต่งรูปแบบตัวอักษรให้สวยงามหรือแปลกใหม่ให้เป็นแบบที่คุณต้องการซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1.ทำการดาร์กเมาส์เลือกข้อความที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลง




2.เลือกคำสั่งรูปแบบ/แบบอักษร (Format/Font)





3.คลิกเลือกรูปแบบในลักษณะพิเศษได้ตามที่คุณต้องการเราสามารถเลือกได้มากกว่า 1 แบบแต่บางแบบก็ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ใ้ห้ดูที่แสดงตัวอย่าง




4.นอกจากนั้นคุณยังสามารถกำหนดแบบอักษร ขนาด และำกำหนดเป็นค่าเริ่มต้นของเอกสารได้ด้วย เมื่อทำการแก้ไขตามที่คุณต้องการแล้ว ให้ทำการคลิกเลือก ตกลง(OK) เท่านี้คุณก็จะได้รูปแบบของอักษรตามที่คุณต้องการ

ประโยชน์ของ Blog

Blog เป็นเครื่องมือสำหรับเขียนบันทึกเหตุการณ์ส่วนตัว ชื่อเต็มๆ มาจาก Weblog โดยคนที่เขียน blog เขาจะเรียกว่า blogger หรือ Weblogger ที่จริงแล้วจะเรียกชื่ออะไรคงไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเรามากนักเอาเป็นว่าให้พอรู้จักชื่อละกัน หากท้าวความย้อนกลับไปในอดีต คนที่จะทำเว็บไซต์ส่วนตัวจะต้องศึกษาเครื่องมือเขียนเว็บอย่าง HTML หรือหากจะให้ง่ายหน่อยก็ใช้ทูลสำเร็จรูปอย่าง Dreamweaver, Frontpage ในการสร้างเว็บขึ้นมา หลังจากสร้างเสร็จจะต้องไปขอพื้นที่เว็บฟรีเพื่ออัปโหลดข้อมูลในเครื่องเราขึ้นไปเก็บอีกทีหนึ่ง จึงจะมีเว็บของตัวเองได้

สำหรับ blog ไม่เป็นเช่นนั้นผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องนั่งเขียนโค้ด หรือนั่งสร้างเว็บเอง อีกทั้งไม่จำเป็นต้องไปขอพื้นที่เว็บฟรี ก็สามารถมีเว็บไว้บันทึกเหตุการณ์ส่วนตัวได้แล้ว อีกทั้งสามารถเปลี่ยนรูปพื้นหลัง (template) ได้ด้วย ปัจจุบัน blog กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัททั้งเล็ก ใหญ่ต่างก็ทำเว็บบล็อกบริการในบริษัท เพื่อให้พนักงานเขียนบล็อกส่วนตัวได้ * โดยในเนื้อหาใน Blog นั้นจะส่วนประกอบสามส่วนคือ 1.หัวข้อ (Title) 2. เนื้อหา (Post หรือ Content) 3.วันที่เขียน (Date)
ประโยชน์หลักของ blog
• เป็นศูนย์ความรู้ของบริษัท เพราะให้พนักงานแต่ละคนเขียนบล็อกส่วนตัวไว้ หากพนักงานท่านนั้นลาออกไป ความรู้ยังคงอยู่ที่บริษัทให้รุ่นน้องศึกษา

• ใช้รายงานเหตุการณ์ หรือผลการทำงานว่าแต่ละวันได้ทำอะไรบ้าง

• ใช้ติดตามความคืบหน้าของงาน กรณีมีการทำงานร่วมกัน

• ใช้สำหรับโชวร์ ผลงานส่วนตัว หรือไซต์ส่วนตัว

• ใช้ทำเว็บไซต์ส่วนตัว / เว็บดาราดัง (เราอาจจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ ใครสักคนก็สามารถทำได้สบาย )• ใช้ทำเว็บรวมสถานที่ท่องเทียวในตัวจังหวัด หรือในอำเภอเล็กๆ ตามต่างจังหวัด

• ...

วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เทคโนโลยีใหม่เพื่อการเตือนภัยพิบัติ

ภายใต้โครงการบริหารจัดการภาวะเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Risk Management Program ของมูลนิธิป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย หรือ Asia Disaster Preparedness Center (ADPC) ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจาก Danish International Development Agency (DANIDA) โดยลักษณะการทำงานของ ADPC จะไม่แข่งกับศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติในแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิก แต่จะทำงานในลักษณะเสริมกัน เพื่อให้ศูนย์เตือนภัยของแต่ละประเทศรวมถึงประเทศไทยมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากมีข้อมูลภายในประเทศแล้ว ยังจะมีข้อมูลจาก ADPC เป็นส่วนเสริมเพื่อใช้ในการวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ล่าสุดได้ทำข้อตกลงร่วมกับไอบีเอ็ม นำซูเปอร์คอมพิวเตอร์มาช่วยประสานการเชื่อมต่อ และส่งข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิกทั้ง 23 ประเทศ เช่น ประเทศกัมพูชา เวียดนาม ไทย ประเทศในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ และในแถบมหาสมุทรอินเดีย

ระบบดังกล่าวจะช่วยให้นักวิจัยสามารถกำหนดแนวทางป้องกันและรับมือกับภัยพิบัติ อันเนื่องมาจากสภาพอากาศแปรปรวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์ประมวลผลจากข้อมูลความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติจากประเทศสมาชิกทั้ง 23 ประเทศ มาประมวลเพื่อให้ได้ข้อมูลการพยากรณ์อากาศครอบคลุมพื้นที่โดยรอบ 3 ตารางกิโลเมตร

ซึ่งการประสานงานของศูนย์จะรับและประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง ระบบดังกล่าวใช้แอพพลิเคชันพยากรณ์อากาศและงานวิจัยด้านสภาพภูมิอากาศ หรือ Weather Research and Forecasting (WRF) Model ซึ่งระบบงานที่ใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกกับภาคธุรกิจอุตสาหกรรม ภาคการศึกษา ภาครัฐ รวมถึงหน่วยงานพยากรณ์อากาศของสหรัฐ และหน่วยงานที่ให้บริการด้านการพยากรณ์อากาศชั้นนำทั่วโลก เช่น ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมนี นอร์เวย์ จีน อังกฤษ เป็นต้น

ทั้งนี้ ผลที่ได้จะเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติขึ้นได้แม่นยำ และสามารถส่งข้อมูลไปยังประเทศสมาชิกทั้ง 23 ประเทศได้ภายในเวลา 6 นาที

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้เป็นระบบประมวลผลนี้เป็นเครื่อง IBM System p575 ในสภาพแวดล้อมแบบคลัสเตอร์ มีประสิทธิภาพในการประมวลผลสูงถึง 9 แสนล้านงานคำนวณต่อวินาที ทั้งนี้ซูเปอร์คอมพิเวตอร์ที่ใช้ IBM System p575 เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับการยอมจากหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาชั้นนำทั่วโลก แอพพลิชันด้านงานพยากรณ์อากาศจำเป็นต้องมีระบบคอมพิวเตอร์ที่มีพลังประมวลผลปริมาณข้อมูลมากมายมหาศาลและช่วยแก้สมการที่ซับซ้อน เพื่อทำให้การคาดการณ์รูปแบบการเกิดสภาพภูมิอากาศในลักษณะต่างๆ ทำให้อย่างแม่นยำที่สุด

ระบบงานดังกล่าวจะรับข้อมูลดิบจากแหล่งที่มาต่างๆ นอกจากนี้มูลนิธิยังใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลของ IBM System Storage DS4800 และ TS3310 Tape Library เป็นโครงการสร้างพื้นฐานไอทีที่มีเสถียรภาพและยืดหยุ่นสูงภายใต้ความร่วมมือนี้ระบบการประมวลผลขั้นสูงและแอพพลิเคชัน WRF นี้ เป็นส่วนสำคัญในการเตือนภัยล่วงหน้าเพื่อเตรียมพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น ดินถล่ม น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ภายในรูปแบบของ End-to-End Multi-Hazard Early-Warming ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของหลายประเทศ เช่น บังกลาเทศ กัมพูชา จีน ลาว หมู่เกาะมัลดีฟส์ หมู่เกาะมอริเชียส พม่า ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา เวียดนาม และไทย ระบบนี้จะทำหน้าที่สนับสนุนงานของศูนย์อุตุนิยมวิทยาของแต่ละประเทศ โดยจะทำหน้าที่ในการให้ข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อเตือนภัยจากพิบัติที่กำลังก่อตัวขึ้น หรืออาจจะเกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ อีกทั้งยังช่วยประเทศเตรียมความพร้อม โดยอบรมเจ้าหน้าที่และเสริมสร้างศักยภาพของหน่วยงานของแต่ละประเทศให้พร้อมรับมือกับภัยพิบัติล่วงหน้า

ดร.พิจิตร รัตตกุล รักษาการผู้อำนวยการบริการ มูลนิธิศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย กล่าวว่า ที่ผ่านมาภัยพิบัติต่างๆ เกิดจากสาเหตุทางธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล เช่น มูลค่าความเสียหายจากภัยพิบัติดินถล่มประมาณ 157 ล้านบาทต่อปี

ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เกิดอุทกภัยบ่อยครั้งมากขึ้น และกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ กว้างขวางมากขึ้น รุนแรงมากขึ้น โดยมูลค่าความเสียหายจากอุทกภัยที่ผ่านมามีมูลค่าสูงถึง 6.443 ล้านบาทต่อปีทั้งนี้ เป้าหมายของศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชียคือ เป็นแหล่งข้อมูลที่ละเอียดโดยอาศัยข้อมูลจากหน่วยงานของแต่ละประเทศ ส่งรายงานสภาพภูมิอากาศของแต่ละประเทศไปยังศูนย์ คาดว่าจะเปิดให้บริการเฟสแรกได้ประมาณเดือน ต.ค. ซึ่งใช้งบในการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานหรือในส่วนของฮาร์ดแวร์อย่างเดียว ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะต้องวางโรงสร้างพื้นฐานทั้งหมด 4 เฟส เพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำการจัดสร้างระบบงานใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ถือเป็นก้าวสำคัญของมูลนิธิที่ดำเนินงานมาอย่างยาวนานตลอด 21 ปี โดยมูลนิธิจะช่วยอบรมบุคลากรของประเทศสมาชิกให้ใช้ประโยชน์จากระบบการพยากรณ์และงานวิจัยดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยลดความเสียหายและปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนในภูมิภาคนี้ จากเหตุการณ์ไม่คาดคิดในอนาคต

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ASUS USB2.0 WLAN Adapter (WL-167G)

รูปนี้เป็นการใช้งานโดยไม่ใช้ Universal Joint ครับ

เมื่อต่อกับ Universal Joint

นอกจากนี้ ASUS WL-167G ยังสามารถใช้งานได้ทัั้ง Windows และ Mac OS X ครับ ซึ่งน่าจะเป็นข่าวดีสำหรับ Mac User ในบ้านเรา เพราะว่าแต่เดิมนั้น นอกจากซื้อ Airport Extreme Card (802.11g) หรือ Airport Card (802.11b) ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง แล้วก็ยังมี D-Link Wireless USB Adapter DWL-122 (802.11b) เท่านั้นครับ แต่ในปัจจุบัน 802.11g Wireless USB Adapter ที่วางขายในบ้านเราและ Support Mac OS X ก็มีอยู่ 2 รุ่นแล้วครับ คือ ASUS Wireless USB Adapter (WL-167G) และ D-Link Wireless USB Adapter (DWL-G122) เอาหล่ะ ... เราจะมาเริ่มเล่น WL-167G กันเลยนะ ขั้นแรกก็จะลง Driver ก่อน โดยใช้แผ่น CD-Rom ที่มากับ WL-167G ครัย เมื่อใส่แผ่นเข้าไปแล้ว เราก็จะเห็น Menu ดังรูป ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ




วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Mainboard (แผงวงจรหลัก)


1. ชุดชิพเซ็ต ชุดชิพเซ็ตเป็นเสมือนหัวใจของเมนบอร์ดอีกที่หนึ่ง เนื่องจากอุปกรณ์ตัวนี้จะมีหน้าที่หลักเป็นเหมือนทั้ง อุปกรณ์ แปลภาษา ให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่บนเมนบอร์ดสามารถทำงานร่วมกันได้ และทำหน้าที่ควบคุม อุปกรณ์ต่างๆ ให้ทำงานได้ตามต้องการ โดยชิพเซ็ตนั้นจะประกอบด้วยชิพเซ็ตนั้นจะประกอบไปด้วยชิพ 2 ตัว คือชิพ System Controller และชิพ PCI to ISA Bridge ชิพ System Controller หรือ AGPSET หรือ North Bridge เป็นชิพที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของ อุปกรณ์หลักๆ ความเร็วสูงชนิดต่างๆ บนเมนบอร์ดที่ประกอบด้วยซีพียู หน่วยความจำแคชระดับสอง (SRAM) หน่วยความจำหลัก (DRAM) ระบบกราฟิกบัสแบบ AGP และระบบบัสแบบ PCI ชิพ PCI to ISA Bridge หรือ South Bridge จะทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกันระหว่างระบบบัสแบบ PCI กับอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีความเร็วในการทำงานต่ำกว่าเช่นระบบบัสแบบ ISA ระบบบัสอนุกรมแบบ USB ชิพคอนโทรลเลอร์ IDE ชิพหน่วยความจำรอมไออส ฟล็อบปี้ดิกส์ คีย์บอร์ด พอร์ตอนุกรม และพอร์ตขนาน
2. หน่วยความจำรอมไบออส และแบตเตอรรี่แบ็คอัพ ไบออส BIOS (Basic Input Output System) หรืออาจเรียกว่าซีมอส (CMOS) เป็นชิพหน่วยความจำชนิด หนึ่งที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูล และโปรแกรมขนาดเล็กที่จำเป็นต่อการบูตของระบบคอมพิวเตอร์ โดยในอดีต ส่วนของชิพรอมไบออสจะประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ชิพไบออส และชิพซีมอส ซึ่งชิพซีไปออสจะทำหน้าที่ เก็บข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต่อการบูตของระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนชิพซีมอสจะทำหน้าที่ เก็บโปรแกรมขนาดเล็ก ที่ใช้ในการบูตระบบ และสามารถเปลี่ยนข้อมูลบางส่วนภายในชิพได้ ชิพไบออสใช้พื้นฐานเทคโนโลยีของรอม ส่วนชิพซีมอสจะใช้เทคโนโลยีของแรม ดังนั้นชิพไบออสจึงไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้า ในการเก็บรักษาข้อมูล แต่ชิพซีมอส จะต้องการพลังงานไฟฟ้าในการเก็บรักษาข้อมูลอยตลอดเวลาซึ่งพลังงานไฟฟ้า ก็จะมาจากแบตเตอรี่แบ็คอัพที่อยู่บนเมนบอร์ด (แบตเตอรี่แบ็คอัพจะมีลักษณะเป็นกระป๋องสีฟ้า หรือเป็นลักษณะกลมแบนสีเงิน ซึ่งภายในจะบรรจุแบตเตอรรี่แบบลิเธี่ยมขนาด 3 โวลต์ไว้) แต่ตอ่มาในสมัย ซีพียตระกูล 80386 จึงได้มีการรวมชิพทั้งสองเข้าด้วยกัน และเรียกชื่อว่าชิพรอมไบออสเพียงอย่างเดียว และการที่ชิพรอมไบออสเป็นการรวมกันของชิพไบออส และชิพซีมอสจึงทำให้ข้อมูลบางส่วนที่อยู่ภายใน ชิพรอมไบออส ต้องการพลังงานไฟฟ้าเพื่อรักษาข้อมูลไว้ แบตเตอรี่แบ็คอัพ จึงยังคงเป็นสิ่งจำเป็นอยู่จนถึง ปัจจุบัน จึงเห็นได้ว่าเมื่อแบตเตอรี่แบ็คอัพเสื่อม หรือหมดอายุแล้วจะทำให้ข้อมูลที่คุณเซ็ตไว้ เช่น วันที่ จะหายไปกลายเป็นค่าพื้นฐานจากโรงงาน และก็ต้องทำการเซ้ตใหม่ทุกครั้งที่เปิดเครื่อง เทคโนโลยีรอมไบออส ในอดีต หน่วยความจำรอมชนิดนี้จะเป็นแบบ EPROM (Electrical Programmable Read Only Memory) ซึ่งเป็นชิพหน่วยความจำรอม ที่สามารถบันทึกได้ โดยใช้แรงดันกระแสไฟฟ้าระดับพิเศษ ด้วยอุปกรณ์ ที่เรียกว่า Burst Rom และสามาถลบข้อมูลได้ด้วยแสงอุตราไวโอเล็ต ซึ่งคุณไม่สามารถอัพเกรดข้อมูลลงในไบออสได้ ด้วยตัวเองจึงไม่ค่อยสะดวกต่อการแก้ไขหรืออัพเกรดข้อมูลที่อยู่ในชิพรอมไบออส แต่ต่อมาได้มีการพัฒนา เทคโนโลยชิพรอมขึ้นมาใหม่ ให้เป็นแบบ EEPROM หรือ E2PROM โดยคุณจะสามารถทั้งเขียน และลบข้อมูล ได้ด้วยกระแสไฟฟ้าโดยใช้ซอฟต์แวร์พิเศษ ได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดายดังเช่นที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

3. หน่วยความจำแคชระดับสอง หน่วยความจำแคชระดับสองนั้นเป็นอุปกรณ์ ตัวหนึ่งที่ทำหน้าเป็นเสมือนหน่วยความจำ บัฟเฟอร์ให้กับซีพียู โดยใช้หลักการที่ว่า การทำงานร่วมกับอุปกร์ที่ความเร็วสูงกว่า จะทำให้เสียเวลาไปกับการรอคอยให้อุปกรณ์ ที่มีความเร็วต่ำ ทำงานจนเสร็จสิ้นลง เพราะซีพียูมีความเร็วในการทำงานสูงมาก การที่ซีพียูต้องการข้อมูล ซักชุดหนึ่งเพื่อนำไปประมวลผลถ้าไม่มีหน่วยความจำแคช

วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ส่วนประกอบของ Microsoft Office Word

++มีระบบอัตโนมัติต่างๆ ที่ช่วยในการทำงานสะดวกขึ้น เช่น การตรวจคำสะกด การตรวจสอบไวยากรณ์ การใส่ข้อความอัตโนมัติ เป็นต้น

++สามารถใช้ Word สร้างตารางที่สลับซับซ้อนย่างไรก็ได้

++สามารถใช้สร้างจดหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถกำหนดให้ผู้วิเศษ (Wizard) ใน Word สร้างแบบฟอร์มของจดหมายได้หลายรูปแบบตามต้องการ

++ตกแต่งเอกสารได้ง่ายและรวดเร็ว สามารถตกแต่งเอกสารหรือเพื่อความสะดวกจะให้ Word ตกแต่งให้ก็ได้ โดยที่สามารถเป็นผู้กำหนดรูปแบบของเอกสารเอง
++สามารถแทรกรูปภาพ กราฟ หรือผังองค์กรลงในเอกสารได้

++เป็นโปรแกรมที่ทำงานบนวินโดว์ ดังคุณสมบัติต่างๆของวินโดว์จะมีอยู่ใน Word ด้วย เช่น สามารถย่อขยายขนาดหน้าต่างได้ สามารถเรียกใช้รุปแบบอักษรที่มีอยู่มากมายในวินโดว์ได้

++ความสามารถในการเชื่อมต่อกับโปรแกรมอื่นๆในชุดโปรแกรม Microsoft Office สามารถโอนย้ายข้อมูลต่างๆระหว่างโปรแกรมได้ เช่น สามารถดึงข้อมูลใน Excel มาใส่ใน Word ได้

++อยากทราบอะไรเกี่ยวกับ Word ถามผู้ช่วยเหลือที่มีชื่อว่า " Office Assistance" ตลอดเวลาขณะที่ใช้งาน Word

++สร้างเอกสารให้ใช้งานในอินเตอร์เนตได้อย่างง่ายๆ

++จากที่กล่าวมานี้เป็นเพียงความสามารถบางส่วนของ Microsoft Word เท่านั้น รายละเอียดอื่นๆ จะขอกล่าวถึงในภายหลัง

โปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ด ( Microsoft Word ) สามารถทำงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานประมวลคำได้ดังนี้
1. สามารถพิมพ์และแก้ไขเอกสาร
2. สามารถลบ โยกย้าย และสำเนาข้อความ
3. สามารถพิมพ์ตัวอักษรประเภทต่าง ๆ
4. สามารถขยายขนาดตัวอักษร
5. สามารถจัดตัวอักษรให้เป็นตัวหนา ตัวเอียง และ ขีดเส้นใต้ได้
6. สามารถใส่เครื่องหมายและตัวเลขลำดับหน้าหัวข้อ
7. สามารถแบ่งคอลัมน์
8. สามารถตีกรอบและแรเงา
9. สามารถตรวจการสะกดและแก้ไขให้ถูกต้อง
10. สามารถค้นหาและเปลี่ยนแปลงข้อความที่พิมพ์ผิด
11. สามารถจัดข้อความในเอกสารให้พิมพ์ชิดซ้าย ชิดขวาและกึ่งกลางบรรทัด
12. สามารถใส่รูปภาพในเอกสาร
13. สามารถประดิษฐ์ตัวอักษร
14. สามารถพิมพ์ตาราง
15. สามารถพิมพ์จดหมายเวียน ซองจดหมายและป้ายผนึก

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

คำย่อ ศัพท์ IT

เพื่อให้ง่ายมากขึ้นในการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับไอที และเทคโนโลยีใหม่ๆ เราจึงพยายามรวบรวมคำย่อต่างๆ ไว้ให้คุณ เพื่อจะได้ทราบถึงความหมายและสามารถเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
คำย่อ : ADSL
คำเต็ม : Asymmetric Digital Subscriber Line
ความหมาย : เทคโนโลยีหนึ่งใช้ในการรับส่งข้อมูลความเร็วสูง ผ่านทางสายโทรศัพท์

คำย่อ : ASP
คำเต็ม : Active Server Page
ความหมาย : ภาษาหนึ่งในการพัฒนาเว็บในรูปแบบที่สามารถโต้ตอบกันได้ และเชื่อมกับระบบฐานข้อมูล ซึ่งพัฒนาโดย Microsoft

คำย่อ : CDMA
คำเต็ม : Code Division Multiple Access
ความหมาย : อีกรูปแบบหนึ่งในการรับส่งข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยมีความเร็วในการรับส่งข้อมูล 153 kpbs

คำย่อ : CGI
คำเต็ม : Common Gateway Interface
ความหมาย : การเชื่อมข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตที่ไม่ได้ใช้มาตราฐานสื่อสาร HTTP เช่นการเขียน FORM ในการกรอบข้อมูลเป็นต้น สำหรับภาษาที่ใช้เขียน CGI ได้แก่ Perl หรือ C

คำย่อ : EDP
คำเต็ม : Electronic Data Processing
ความหมาย : ประมวลผลข้อมูลทางด้านอิเล็คทรอนิสก์

คำย่อ : DSS
คำเต็ม : Digital Signature Standard
ความหมาย : มาตราฐานการสร้างรหัสเพื่อยืนยันตัวผู้ส่งข้อมูล โดยมีประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้กำหนดขึ้น เพื่อให้ทราบว่าข้อมูลนั้นถูกส่งมาจากใคร โดยผู้อื่นไม่สามารถปลอมแปลงได้

คำย่อ : DHCP
คำเต็ม : Dynamic Host Configuration Protocol
ความหมาย : มาตราฐานการสื่อสารประเภทหนึ่ง (Protocol) ทำหน้าที่ในการแจกจ่ายไอพี แอดเดรสและพารามิเตอร์ในระบบเครือข่าย

คำย่อ : DNS
คำเต็ม : Domain Name Server
ความหมาย : หมายถึง ชื่อเว็บไซต์

คำย่อ : D-I-Y
คำเต็ม : Do It Yourself
ความหมาย : คำย่อ ที่หมายถึง ทำด้วยตัวเอง เช่นการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเอง เป็นต้น

คำย่อ : EDGE
คำเต็ม : Enhanced Data Rates for Global Evolution
ความหมาย : เทคโนโลยีระดับ G3 ตามมาตราฐานโลก ใช้สำหรับรับส่งข้อมูลแบบไร้สาย ในระบบ GSM มีอัตราการรับส่งข้อมูลถึง 236 kbps

คำย่อ : FTP
คำเต็ม : File Transfer Protocol
ความหมาย : มาตราฐานการสื่อสารประเภทหนึ่งในระบบเครือข่าย ใช้สำหรับการโอนย้ายข้อมูล

คำย่อ : GPRS
คำเต็ม : General Packet Radio Service
ความหมาย : ระบบการสื่อสารไร้สาย (wireless) ที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลด้วความเร็วสูง แต่ช้ากว่า EDGE 4 เท่า

คำย่อ : HTML
คำเต็ม : Hyper Text Markup Language
ความหมาย : ภาษามาตราฐานสำหรับการสร้างเว็บ เป็นภาษาที่บราวเซอร์เข้าใจ

คำย่อ : HTTP
คำเต็ม : Hyper Text Transfer Protocol
ความหมาย : มาตราฐานการสื่อสารในระบบเครือข่ายประเภทหนึ่ง ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเซิร์ฟเวอร์และไคลแอนด์

คำย่อ : IIS
คำเต็ม : Ineternet Information Server
ความหมาย : โปรแกรมที่ใช้สำหรับทำหน้าที่เป็นเซอร์เวอร์ของอินเตอร์เน็ต

คำย่อ : ISP
คำเต็ม : Internet Service Provider
ความหมาย : บริษัทที่ให้บริการ Internet (การเชื่อมต่อ)

คำย่อ : I.T.
คำเต็ม : Information Technology
ความหมาย : ข้อมูลทางด้านสาระสนเทศ

คำย่อ : IE
คำเต็ม : Internet Explorer
ความหมาย : โปรแกรมสำหรับแสดงข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต หรือที่เรียกว่า Browser จากค่าย Microsfot

คำย่อ : IMAP4
คำเต็ม : Internet Message Access Protocol 4
ความหมาย : มาตราฐานการสื่อสารในการรับส่งเมล์ อีกประเภทหนึ่ง มีความสามารถหลากหลายมากว่า POP เช่น รองรับการใช้งานแบบ Offline, Online สามารถเลือก download เมล์ที่ต้องการได้ เป็นต้น

คำย่อ : LAN
คำเต็ม : Local Are Network
ความหมาย : ระบบเครือข่ายขนาดเล็ก ภายในองค์กร

คำย่อ : MAN
คำเต็ม : Metropolitan Area Network
ความหมาย : ระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่เป็น 100 กิโลเมตร

คำย่อ : MIMO
คำเต็ม : Multiple in, multiple out
ความหมาย : เทคโนโลยีการส่งข้อมูลที่สามารถเพิ่มช่องส่งสัญญาณและพื้นที่ได้โดยใช้เสาอากาศหลายๆ ตัว (Wireless Technology)


นี่คือตัวอย่างที่นำมาแนะนำให้ท่านผู้อ่านได้หาความรู้ ถึงไม่มาก แต่ก็เป็นส่วนหนึ่ง.....ก้อดีใช่ไหมค่ะ(ดีกว่าที่เราไม่รู้เลย)

"ไอโฟน 3จี" จุดพลุสินค้าขายดีบนเน็ต


"ไอโฟน 3จี" เครื่องหิ้วมาแรงสุดๆ ระบุมีหน้าร้านเปิดขายบนเวบเฉพาะไอโฟน และอุปกรณ์ต่อพ่วงเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20 ร้าน มูลค่าการซื้อขายแต่ละเดือนแตะ 30 ล้านบาท ชี้ควบคุมยาก เพราะเป็นสินค้าไอทีที่มีความต้องการสูงสุดยุคนี้ กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : แหล่งข่าววงการอินเทอร์เน็ต กล่าวว่า ขณะนี้กระแสซื้อขาย "ไอโฟน" ยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่องบนเวบไซต์อี-คอมเมิร์ซหลายแห่ง แม้ว่าขณะนี้บริษัท แอ๊ปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ยังไม่ได้ไฟเขียวให้ขายในตลาดไทยอย่างเป็นทางการ
โดยเฉพาะไอโฟน รุ่น 3จี ที่เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาด้วยราคา 199 ดอลลาร์ ปรากฏว่าตามเวบอี-คอมเมิร์ซ รวมทั้งเวบบอร์ดในเวบไซต์ต่างๆ มีการประกาศขายกันแล้วด้วยระดับราคา 20,000 บาทต้นๆ
"ไอโฟนรุ่นเดิม คือก่อนรุ่น 3จี กระแสยังแรงอยู่ แม้ว่าจะดรอปลงบ้าง เพราะส่วนใหญ่คนรอไอโฟน 3จี ทำให้รุ่นเก่าราคาตกเล็กน้อย และแม้ว่าการซื้อขายกันช่วงนี้จะไม่ถูกกาลเทศะ แต่ก็ห้ามไม่อยู่เพราะมีการประกาศขายไอโฟนทั้งรุ่นเก่า และรุ่น 3จี บนเวบเยอะมาก มีเป็น 1,000 รายการ รวมถึงพวกแอคเซสซอรี่ต่างๆ ด้วย" แหล่งข่าว กล่าวว่า ตามเวบอีคอมเมิร์ซ ยังมีการเปิดหน้าร้านที่ขายไอโฟนทั้งรุ่นเก่า และรุ่น 3จี เพิ่มมากขึ้น ระดับราคาจำหน่ายอยู่ระหว่างกว่า 10,000 บาท-20,000 บาทขึ้นไป
ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า มีผู้เข้าไปใช้พื้นที่เวบอี-คอมเมิร์ซบางแห่ง เปิดหน้าร้านที่ขายเฉพาะไอโฟน บางเวบมีร้านดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่า 20 ร้าน
"ตอนนี้ที่แรงมากๆ คือ ไอโฟน รุ่น 3จี มียอดจอง และยอดซื้อเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มีทั้งผู้ที่หิ้วจากต่างประเทศเพื่อมาขายโดยเฉพาะ และผู้ที่ซื้อเพื่อใช้เอง แล้วนำมาขายบนเวบภายหลัง ซึ่งทำให้การควบคุมเป็นไปได้ยาก เพราะส่วนใหญ่จะอ้างว่าเป็นเครื่องของตัวเอง ที่ซื้อมาใช้แล้วไม่ถูกใจก็ขายต่อ" แหล่งข่าวกล่าว
ปัจจุบัน ยอดซื้อขายไอโฟนบนอินเทอร์เน็ตในไทย เฉลี่ยต่อเดือนสูงกว่า 30 ล้านบาท
ขณะที่ บางเวบแม้จะยังไม่อนุญาตให้ร้านค้านำไอโฟนเข้ามาขาย แต่ก็ปรากฏว่ามียอดเสิร์ชหาคำว่าไอโฟน พร้อมชื่อรุ่นเกือบทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง รวมไปถึงการอีเมลเข้ามาสอบถามว่า เมื่อไรทางเวบจะมีไอโฟนเข้ามาขาย โดยเฉพาะคนที่กำลังต้องการเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ ก็จะสอบถามเข้ามาผ่านทั้งทางเมล และกระทู้ถามตอบจำนวนมาก
"ถือว่าไอโฟน เข้ามากระตุ้นยอดซื้อขายสินค้าในหมวด gadget ตระกูลแอ๊ปเปิ้ลเพิ่มขึ้น ทั้งไอพ็อดรุ่นเก่า และไอพ็อด ทัช โดยจุดเด่นสำคัญที่ทำให้สินค้าพวกนี้มียอดซื้อขายมาก เพราะราคาจะต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป โดยเฉพาะช่วงที่เปิดตัวใหม่ๆ จะมีการเติบโตสูงมาก" แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว ให้ข้อมูลด้วยว่า บางเวบที่มีการโพสต์ซื้อขายไอโฟน เจ้าของสิทธิในตัวสินค้า ก็จะแจ้งมาทางเวบเพื่อให้ลบข้อมูลสินค้าออก ซึ่งระยะหลังยอมรับว่า มีการควบคุมที่ลำบากมากขึ้น เพราะเป็นสินค้าไอทีที่มีความต้องการสูงมากที่สุดช่วงนี้ จากการสำรวจหลายๆ เวบไซต์ โดยเฉพาะเวบประเภทแฟนพันธุ์แท้ไอโฟน พบว่า ได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลราคาของไอโฟน "เครื่องหิ้ว" เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อหาด้วย โดยระบุว่า ช่วงแรกไอโฟนเครื่องหิ้วที่ขายในไทย มีราคาสูงมาก แต่ก็ลดลงมาเรื่อยๆ ล่าสุดไอโฟน ความจุ 8 กิกะไบต์ ซื้อขายกันที่ประมาณ 16,900 บาท รุ่น 16 กิกะไบต์ ราคาประมาณ 21,500 บาท (บวกลบ 2,000 บาท) ข้อมูลบางเวบยังระบุด้วยว่า วันนี้มีพ่อค้าชาวต่างประเทศที่อยู่ในสหรัฐ หรือประเทศที่มีแอ๊ปเปิ้ล สโตร์ หรือมีไอโฟนขาย ต่างก็ได้กำไรกันเป็นล่ำเป็นสัน โดยขายผ่านอินเทอร์เน็ตให้ลูกค้าที่สนใจจากทั่วโลก เช่น เวบอีเบย์ เป็นต้น

Youtube ไม่น้อยหน้า Google โดนฟ้องอีก 1 พันล้านเหรียญ


Google เจ้าของ Youtube โดนศาลสั่งให้ส่งคลิปวีดีโอละเมิดลิขสิทธิ์และชื่อสมาชิก หลังถูก Viacom ฟ้อง 1 พันล้านดอลลาร์
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : หลังจากที่ Viacom บริษัทเคเบิลทีวียักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ได้ยื่นฟ้อง Google ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บไซต์วีดีโอชื่อดังอย่าง Youtube ในเดือนมีนาคม 2007 ที่ผ่านมา ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการเผยแพร่วีดีโอของ Viacom โดยเรียกค่าเสียหาย 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งยังร้องต่อศาลให้ Google เปิดเผยข้อมูลคลิปวีดีโอทุกคลิปที่ละเมิดลิขสิทธิ์ รวมถึงชื่อและ IP ของสมาชิกที่ดูคลิปวีดีโอดังกล่าวอีกด้วย
ล่าสุดศาลได้สั่งให้ Google เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดที่ Viacom ร้องขอมา แต่ Google แย้งว่าการเปิดเผยข้อมูลเหล่านั้นเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวหรือสิทธิส่วนบุคคลของสมาชิก ขณะที่ศาลได้ชี้แจงว่านโยบายความเป็นส่วนตัว หรือ privacy policy นั้นเป็นเพียงแค่ทางทฤษฎีเท่านั้น พร้อมทั้งสั่งให้ Google ส่งข้อมูลทั้งหมดซึ่งมีอยู่ประมาณ 4 เทราไบท์มาให้ด้วย
นอกจากนี้ Viacom ยังเรียกร้องให้ Google ส่ง source code ที่บ่งบอกถึงคลิปวีดีโอที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ซ้ำซาก รวมถึงคลิปวีดีโอที่ถูกตั้งไว้ให้ดูได้เฉพาะในกลุ่มสมาชิกบางกลุ่มเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม Google ได้ปฏิเสธที่จะส่งข้อมูลดังกล่าวให้ Viacom แต่จะส่งเฉพาะข้อมูลที่ระบุว่าคลิปวีดีโอที่ถูกตั้งไว้ให้ดูเฉพาะกลุ่มสมาชิกนั้นมีการคลิกดูกี่ครั้ง และมีจำนวนคนดูกี่คน นอกเหนือจากนั้นจะไม่ส่งให้

ถอดรหัส!!! ชื่อรุ่นโน้ตบุ๊ค Acer

คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักโน้ตบุ๊คยี่ห้อ Acer นะค่ะ หรือบางท่านอาจกำลังมองเพื่อจับจองเป็นเจ้าของโน้ตบุ๊คยี่ห้อนี้อยู่ แต่เชื่อไหมครับว่าชื่อรุ่นที่อย่าง Aspire 5593 WXMi มันมีความหมายแฝงอยู่ด้านใน
ในที่นี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักโน้ตบุ๊คยี่ห้อ Acer นะค่ะ หรือบางท่านอาจกำลังมองเพื่อจับจองเป็นเจ้าของโน้ตบุ๊คยี่ห้อนี้อยู่ ถ้าคุณดูในแคตตาล็อกคุณก็จะเห็นโน้ตบุ๊กให้เรามาเลือกซื้อกันมากมายหลายรุ่น แต่เชื่อไหม ว่าชื่อรุ่นที่อย่าง Aspire 5593 WXMi มันมีความหมายแฝงอยู่ด้านใน
ก่อนอื่นลองยกมาสักรุ่น เอาเป็น Aspire 5593 WXMi ละกัน เราจะมาดูที่ตัวอักษรด้านท้ายหรือ ตัว WXMi กัน จากตัวย่อเท่านี้ทำให้พอประมาณได้ว่า โน้ตบุ๊คตัวนี้เป็นจอ LCD Wide Screen หน้าจอขนาดประมาณ 14 นิ้ว มีไดร์ฟ DVD Writer น้ำหนักประมาณ 2.4 kg. และมี Windows แถมติดตั้งมาให้ด้วย โอ้ . . . ปริศนาทั้งหมดไขกระจ่างแล้ว ขอเสียงปรบมือด้วยค้า . . . (^_^) . . . คุณสามารถตรวจเช็คได้ว่าที่ทายไปน่ะถูกหรือไม่ โดยดูจาก Buyer Guide ก็ได้นะ ว่าโน้ตบุ๊คที่ลงท้ายด้วยรหัสนี้มีลักษณะอย่างที่บอกหรือไม่ เอาละเรามาดูความหมายกันเลย...

A : Low Speed FSB
เป็นโน้ตบุ๊คที่ติดตั้ง CPU ใช้ FSB ต่ำ อย่างเช่น Core Duo T2050 ซึ่งใช้ FSB ที่ 533 MHz แทนที่จะเป็น 667 MHz เหมือนกับ CPU กลุ่ม Core Duo อื่นๆ

N : No OS
อันนี้คงเข้าใจนะ โน้ตบุ๊ครุ่นนี้จะไม่มี Windows แถมมาด้วย

W : Wide Screen
เดี๋ยวนี้ โน้ตบุ๊คยี่ห้อนี้เป็นจอ Wide Screen หมดแล้ว ดังนั้นคงไม่มีรุ่นไหนที่ไม่ตัว W อยู่นะ

S : Screen Size 17”
รหัสนี้บอกว่าโน้ตบุ๊ครุ่นนี้มีจอ LCD ขนาดใหญ่มาก และยังบอกได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊คขนาดใหญ่ซึ่งมีน้ำหนักตั้งแต่ 3.8 kg. ขึ้นไป

L : Large Screen 15”
รหัสนี้เป็นโน้ตบุ๊คที่ขนาดหน้าจอเล็กลงมาหน่อย (แต่ก็ยังใหญ่อยู่ดี) น้ำหนักของโน้ตบุ๊คขนาดนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2.9 – 3.2 kg.

X : Screen Size 14”
เป็นขนาดหน้าจอประมาณ 14 นิ้ว ซึ่งที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน และน้ำหนักที่ประมาณ 2.4 kg. ซึ่งอยู่ในระดับพกพาได้ไม่หนักเกิน

T : Portable
เห็นตัวนี้เดาได้เลยว่า เล็ก เบาและแพง หน้าจอจะมีขนาดประมาณ 12 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 1.5 – 1.8 kg. รวมทั้งมีโอกาสที่ไดร์ฟ CD/DVD เป็นแบบเชื่อมต่อภายนอกด้วย ดังนั้นโน้ตบุ๊ครุ่นนี้จะเหมาะกับสุภาพสตรี หรือผู้ที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหนบ่อยๆ

H : HD-DVD, Blu-Ray Drive
ซึ่งถ้ามีอักษรนี้เดาได้เลยว่าราคาสูงกว่า 50,000 บาท เพราะโน้ตบุ๊คตัวนั้นได้ติดตั้งไดร์ฟ Optical ยุคหน้า ซึ่งก็คือ HD-DVD หรือ Blu-Ray อยู่ ซึ่งใช้อ่านเขียน CD และ DVD ได้ด้วย แต่ไม่ได้บอกว่าไดร์ฟนั้นสามารถเขียนแผ่น HD-DVD หรือ Blu-Ray ได้หรือไม่

M : DVD Writer
ไดร์ฟเขียนดีวีดีสุดฮิต กว่า 90% จะมีรหัสนี้ต่อท้ายนะ

C : Combo Drive
Combo Drive อ่านเขียน CD ได้ แต่แผ่น DVD อ่านได้อย่างเดียวเขียนไม่ได้ ตอนนี้รหัสนี้หายาก และอยู่ในรุ่นที่ไม่ค่อยน่าเล่นสักเท่าไหร่แล้ว

i : Wireless Lan
โน้ตบุ๊ค Acer ทุกรุ่นที่ขายในประเทศไทยตอนนี้ มีระบบ Wireless ติดตั้งไว้อยู่แล้ว ดังนั้นเราจะเห็นอักษรตัวนี้ลงท้่ายเสมอ
เท่านี้คุณก็สามารถรู้ข้อมูลเบื้องต้นโน้ตบุ๊ก Acer ได้ เพียงแค่รู้ชื่อรุ่นแล้ว คุณจะลองของที่ Buyer Guide ก็ได้นะ สำหรับยี่ห้ออื่นๆ กำลังแกะอยู่ แกะได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วแต่ผู้ผลิตว่าจะตั้งชื่อรุ่นให้เกี่ยวข้องกับ Spec เครื่องหรือไม่





วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ประเภทของคอมพิวเตอร์

ประเภทของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์สามารถจำแนกได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของขนาดเครื่องความเร็วในการประมวลผล และราคาเป็นข้อพิจารณาหลัก โดยทั่วไปนิยมจำแนกประเภท คอมพิวเตอร์ เป็น 6 ประเภทดังนี้คือ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer) คอมพิวเตอร์เมนเฟรม (mainframe computer) มินิคอมพิวเตอร์ (minicomputer) เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ (server computer ) ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) และคอมพิวเตอร์แบบฝัง (embedded computer) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

1.ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด จึงราคาแพงมาก ความสามารถในการประมวลผลที่ทำได้มากกว่า พันล้านคำสั่งต่อวินาที ตัวอย่างการใช้งานคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เช่น การพยากรณ์อากาศการทดสอบทางอวกาศ และงานอื่น ๆ ที่มีการคำนวณที่ซับซ้อน

2.คอมพิวเตอร์เมนเฟรมหรือคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (mainframe computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพรองจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ สามารถรองรับการทำงานจากผู้ใช้ได้หลายร้อยคนในเวลาเดียวกัน ประมวลผลด้วยความเร็วสูง มีหน่วยความจำหลักขนาดใหญ่ ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก คอมพิวเตอร์เมนเฟรม นิยมใช้กับองค์การขนาดใหญ่ที่มีการเข้าถึง ข้อมูลของผู้ใช้จำนวน มากในเวลาเดียวกันเช่น งานธนาคาร การจองตั๋วเครื่องบิน การลงทะเบียนและการตรวจสอบผลการเรียน ของนักศึกษา เป็นต้น

3.มินิคอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง (minicomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานน้อยกว่า เมนเฟรมแต่สูงกว่าไมโครคอมพิวเตอร์ และสามารถรองรับการทำงาน จากผู้ใช้ได้หลายคนในการทำงาน ที่แตกต่างกัน จากจุดเริ่มต้นใน การพัฒนา ที่ต้องการให้ คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ทำงานเฉพาะอย่าง เช่น การคำนวณทางด้านวิศวกรรม ทำให้การพัฒนามินิคอมพิวเตอร์ เจริญอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันธุรกิจและองค์การหลายประเภทนิยมนำ มินิคอมพิวเตอร์มา ใช้ในการให้บริการข้อมูลแก่ลูกค้า เช่น การจองห้องพักของโรงแรม การทำงานด้านบัญชีขององค์การธุรกิจ เป็นต้น

4.เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ (server computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่สนับสนุนการทำงานของคอมพิวเตอร์ เครือข่ายซึ่งใช้ในการจัดสรรและใช้ทรัพยากรร่วมกัน เช่น แฟ้มข้อมูล โปรแกรมประยุกต์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ( เช่น เครื่องพิมพ์แลอุปกรณ์อื่น ๆ )

5.ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีผู้นิยมใช้แพร่หลายมากที่สุด ส่งผลให้การพัฒนาเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์มีลักษณะและรูปแบบ ที่แตกต่างกัน เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ( desktop computer ) คอมพิวเตอร์พกพา ( portable computer ) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

6.คอมพิวเตอร์แบบฝัง (embedded computer ) เป็นคอมพิวเตอร์ที่ฝังในอุปกรณ์ต่าง ๆ นิยมนำมาใช้ทำงาน เฉพาะด้าน พิจารณาจากภายนอกจะไม่เห็นว่าเป็นคอมพิวเตอร์แต่จะ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานบางอย่างของอุปกรณ์นั้นๆ คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เช่น เครื่องเล่นเกม ระบบเติมน้ำมันอัตโนมัติ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์

องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์

ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 6 ส่วน คือ

1. ฮาร์ดแวร์ (hardware)
ข้อมูล หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง เช่น แป้นพิมพ์ เมาส์ หน่วยประมวลผลกลาง จอภาพ เครื่องพิมพ์ และอุปกรณ์อื่น ๆ ฮาร์ดแวร์จะทำงานตามโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้น

2. ซอฟต์แวร์ (software)
บางครั้งเรียกว่าโปรแกรม หรือ ชุดคำสั่งวัตถุประสงค์หลักของ ซอฟต์แวร์ ที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงาน คือ การประมวลผลข้อมูลให้เป็น สารสนเทศ

3. ข้อมูลหรือข้อสนเทศ (date หรือ information)
ในการประมวลผลข้อมูล คอมพิวเตอร์จะประมวลผลตามข้อมูล หรือ ข้อสนเทศ ที่ป้อนเข้าสู่หน่วยรับข้อมูล ดังนั้นข้อมูลจึงเป็นส่วน สำคัญ อย่างหรึ่ง ในการประมวลผลเพื่อให้ได้สารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจ ถ้าข้อมูลที่ป้อนเข้าไปมีความถูกต้อง ผลลัพธ์ที่ ได้จะมีความถูก ต้อง เชื่อถือได้

ข้อมูล (date)
หมายถึง ข้อเท็จจริงที่ได้จากการรวบรวม ซึ่งอาจจะเป็นตัวเลข ข้อความรูปภาพ หรือเสียง เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำการประมวล ให้ได้สารสนเทศ

สารสนเทศ (information)
หมายถึง สิ่งที่ได้จากการประมวลผลแล้ว ซึ่งในบางครั้งสารสนเทศอาจจะเป็นข้อมูลเพื่อการประมวลผล ให้ได้ข้อสนเทศอีกอย่างหนึ่งก็ได้ เช่น คะแนนสอบของนักศึกษา เป็นข้อมูล เมื่อผ่านกระบวนการตัดเกรด จะได้เกรดเป็นสารสนเทศ และเมื่อนำเกรดนักศึกษาไปคำนวณหาค่าเฉลี่ย เกรดของ นักศึกษาจะเป็นข้อมูล และสารสนเทศที่ได้คือเกรดเฉลี่ย (GPA)

4. ผู้ใช้ (user)
การทำงานของคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องให้ผู้ใช้สั่งงาน แต่ปัจจุบันมีคอมพิวเตอร์บางชนิดที่สามารถทำงานได้อัตโนมัติ อย่างไรก็ตามการใช้งานคอมพิวเตอร์โดยส่วนใหหญ่แล้วยังต้องการ ให้มนุษย์เป็นผู้สั่งงานเสมอ

5. กระบวนการทำงาน (procedure)
เป็นขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์หรือข้อสนเทศ จากคอมพิวเตอร์ ในการทำงานกับคอมพิวเตอร์ จำเป้นที่ผู้ใช้จะต้อง เข้าใจขั้นตอน การทำงานเพื่อให้ได้งานที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างขั้นตอนการทำงาน เช่น การถอนเงินด้วยเครื่องฝาก - ถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) จะต้องมีขั้นตอนหรือกระบนการทำงานดังนี้ (วาสนา สุขกระสานติ , 2541)

- จอภาพแสดงความพร้อมเพื่อการทำงาน
- สอดบัตรและป้อนรหัสผู้ใช้
- เลือกรายการทำงาน
- ใส่จำนวนเงิน
- รับเงิน
- รับบัตรคืนและใบบันทึกรายการ

ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ปกติจะมีขั้นตอนที่สลับ ซับซ้อนดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีคู่มือปฎิบัติงาน ที่ชัดเจน เช่น คู่มือผู้ใช้ (user manual ) คู่มือผู้ดูแลระบบ(operation manual) เป็นต้น

6. บุคลากรทางสารสนเทศ ( information systems personnel )
เป็นส่วนที่สำคัญของระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ เพื่อจัดการ ให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนทำงาน ร่วมกับผู้ใช้ (user) อย่างใกล้ชิดเพื่อการพัฒนาระบบให้ตรงความ ต้องการของผู้ใช้

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2551

DOS

วันนี้ วันที่ 20 มิ.ย. 51
เราเริ่มเรียน DOS ซึ่งสาระที่ได้วันนี้ก้อมากอยู่เหมือนกัน
DOS ย่อมาจาก Disk Operating System เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นแรกๆ ซึ่งการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีการทำงานบนระบบปฏิบัติการดอสเป็นหลัก โดยการทำงานส่วนใหญ่จะเป็นการทำงานโดยการใช้คำสั่งผ่านบรรทัดคำสั่ง ที่นิยมใช้กัน คือ MS-Dos ซึ่งต่อมาระบบปฏิบัติการดอสจะถูกซ่อนอยู่ใน Windows
-ตัวอย่างคำสั่ง Dos
1.dir เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับแสดงรายชื่อไฟล์ที่มีอยู่ในดิสก์ ออกทางจอภาพ
2.copy ทำการคัดลอกไฟล์
3.ren ทำการเปลี่ยนชื่อไฟล์เป็นชื่อใหม่
4.ver ใช้สำหรับตัวสอบดูว่า dos ที่เราใช้อยู่เป็นรุ่นอะไร
5.type ใช้สำหรับดูข้อมูลที่อยู่ในไฟล์ประเภท txt file เป็นต้น

คำสั่งดอสยังมีอีกมากมายถ้าหากอยากเรียนรู้เพิ่มเติม ลองใช้คำสั่ง help ในดอสดูนะ อาจจะได้คำสั่งอีกมากมายที่เกี่ยวกับการทำงานของดอส

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer virus)

ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer virus) หรือเรียกสั้นๆ ในวงการว่า ไวรัส คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บุกรุกเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ส่วนมากมักจะมีประสงค์ร้ายและสร้างความเสียหายให้กับระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆในเชิงเทคโนโลยีความมั่นคงของระบบคอมพิวเตอร์นั้น ไวรัสเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำสำเนาของตัวเอง เพื่อแพร่ออกไปโดยการสอดแทรกตัวสำเนาไปในรหัสคอมพิวเตอร์ส่วนที่สามารถปฏิบัติการได้หรือข้อมูลเอกสาร ดังนั้นไวรัสคอมพิวเตอร์จึงมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกับไวรัสในทางชีววิทยา ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตในลักษณะเดียวกันนี้ คำอื่น ๆ ที่ใช้กับไวรัสในทางชีววิทยายังขยายขอบข่ายของความหมายครอบคลุมถึงไวรัสในทางคอมพิวเตอร์ เช่น การติดไวรัส (infection) แฟ้มข้อมูลที่ติดไวรัสนี้จะเรียกว่า โฮสต์ (host) ไวรัสนั้นเป็นประเภทหนึ่งของโปรแกรมประเภทมัลแวร์ (malware) หรือโปรแกรมที่มีประสงค์ร้าย ในความหมายที่ใช้กันทั่วไปนั้น ไวรัสยังใช้หมายรวมถึง เวิร์ม (worm) ซึ่งก็เป็นโปรแกรมอีกรูปแบบหนึ่งของมัลแวร์ ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์นั้นสับสนเมื่อคำไวรัสนั้นใช้ในความหมายที่เฉพาะเจาะจง คอมพิวเตอร์ไวรัสนั้นโดยทั่วไปจะไม่ส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์โดยตรง แต่จะทำความเสียหายต่อซอฟต์แวร์ในขณะที่ไวรัสโดยทั่วไปนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย (เช่น ทำลายข้อมูล) แต่ก็มีหลายชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย เพียงแต่ก่อให้เกิดความรำคาญเท่านั้น ไวรัสบางชนิดนั้นจะมีการตั้งเวลาให้ทำงานเฉพาะตามเงื่อนไข เช่น เมื่อถึงวันที่ที่กำหนด หรือเมื่อทำการขยายตัวได้ถึงระดับหนึ่ง ซึ่งไวรัสเหล่านี้จะเรียกว่า บอมบ์ (bomb) หรือระเบิด ระเบิดเวลาจะทำงานเมื่อถึงวันที่ที่กำหนด ส่วนระเบิดเงื่อนไขนั้นจะทำงานเมื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีการกระทำเฉพาะซึ่งเป็นตัวจุดชนวน ไม่ว่าจะเป็นไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่ก็ตาม ก็จะมีผลเสียที่เกิดจากการแพร่ขยายตัวของไวรัสอย่างไร้การควบคุม ซึ่งจะเป็นการบริโภคทรัพยากรคอมพิวเตอร์อย่างไร้ประโยชน์ หรืออาจจะบริโภคไปเป็นจำนวนมาก